วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สุวิชา ท่าค้อ ฝากเตือนสติผู้ใช้อินเตอร์เน็ต

ตั้งแต่ผมถูกจับกุมตัวก็ไม่ได้พบหน้าลูกๆอีกเลย และพวกเราต้องพากันจมอยู่กับน้ำตา ผมไม่เคยก่อปัญหาใดๆให้กับสังคมมาก่อน แต่ต้องมาถูกจองจำมันจึงเป็นเรื่องที่สุดแสนจะทรมาน เมื่อความทุกข์มาถึงจุดที่สุดผมต้องนอนร้องไห้เสมอเพราะไม่สามารถอยู่ดูแลเขาได้อีก ดังนั้นผมจะต้องทำทุกอย่างที่จะรักษาตัวให้รอดในขณะที่อยู่ในเรือนจำคือปล่อยวางทุกเรื่อง ผมเริ่มฝึกสมาธิอย่าจริงจังทั้งกลางวันและกลางคืนวันละหลายชั่วโมงโดยจำต้องปล่อยวางโดยไม่อาลัยกับความเป็นหรือตายกำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจเพียงอย่างเดียวหากจะคิดอะไรขึ้นมาก็จะรีบกลับมาที่ลมหายใจซึ่งตอนนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่การบรรพชาในทันทีที่ได้รับอิสรภาพและจะขออยู่เป็นพระตลอดพรรษา หากลาสิกขาบทกลับมาดูแลครอบครัวก็จะอยู่ในศีล 5 หรือศีล 8 ตลอดไปผมมีความเชื่ออย่างแรงกลัวว่าหากใครก็ตามที่อยู่ในกรอบของศีล 5 จะไม่มีทางเข้ามาอยู่ในนี้เด็ดขาดผมอยากจะบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , พ่อแม่และผู้มีพระคุณและทุกคน ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมาผมจะไม่โกรธเคืองต่อใครๆ ที่ทำให้ผมและครอบครัวจมอยู่ในกองทุกข์ผมจะคิดแต่สิ่งดีๆที่ทำให้ผมได้เห็นสัจธรรมของชีวิตในครั้งนี้ และทำให้ผมได้ฝึกสมาธิทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากในทางที่ดีและกราบขอบพระคุณทุกความช่วยเหลือมีหรือได้มีให้แก่ผมและครอบครัวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง ผมอยากเตือนสติผู้ที่กำลังหลงผิด หรือหลงเชื่อพวกไม่ไหวังดีต่อประเทศชาติ ที่ทำลายประเทศ ด้วยการปล่อยข่าวไม่ได้ ให้ให้ประชาชนที่รับข่าวสารผิด ๆ ต้องคิดในด้านผิด ๆ อย่างที่ผมเป็นมาแล้ว

2 ความคิดเห็น:

  1. ผมอยากบอกคนไทยทั้งชาติ ว่า ผม ขอโทษ อยากบอกคนทั้งโลกว่า ผมผิดไปแล้ว

    สุวิชา ท่าค้อ

    ตอบลบ
  2. เห็นใจอย่างยิ่งสำหรับคุณครูโบว์และครอบครัวท่าค้อที่ต้องร่วมรับกรรมไปด้วย
    ส่วนคำเตือนและความเห็นที่เขียนมานั้น ถ้าเป็นความตั้งใจจริงก็ขออนุโมทนา
    แต่.... อย่าเขียนจดหมายอะไรอีกน่าจะดีกว่า
    เท่าที่อ่านจดหมายของคุณสุวิชาเมื่อ 1 มค 53 ในเวบประชาไท
    ยังไม่ปรากฏความตระหนักในกรรมของตน
    และยังเพ่งโทษต่อผู้อื่น
    ละเว้นได้ จะเป็นบุญกุศลต่อคุณและครอบครัวครับ

    ตอบลบ