วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ใต้ร่มพระบรมโพธิสมพาร

ฉันจำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ
แม่เล่าให้ฟังว่าแม่กับฉันและน้องอยู่ในท้อง
(สุวิชา ท่าค้อ)
ได้ไปรอรับเสด็จในหลวง ที่พระธาตุพนม
แม่ของฉันซึ่งท้องแก่ และฉันที่เป็นเด็กเล็ก
เราแม่ลูกเฝ้ารอชมพระบารมีด้วยความอดทน
และด้วยความจงรักภักดี
ฉันเติบโตมา มีความใฝ่ฝันที่จะได้รับราชการ
และเป็นข้าราชการ ที่หมายถึง
ระบบการงานของพระมหากษัตริย์
ซึ่งระบบราชการไทย มีตรา ครุฑ เป็นสัญลักษณ์
หมายถึงพระราชบัลลังค์
และในที่สุด ความฝันในวัยเด็กของฉันก็เป็นจริง
พ่อแม่ของฉันมีความภูมิใจ
และชื่มชมฉันทุกครั้งที่ฉันแต่งเครื่องแบบเต็มยศ
ไปร่วมงานพระราชพิธีในวันสำคัญ
ฉันมีความสุข ฉันมีครอบครัวที่ดี และอบอุ่น
ฉันระลึกอยู่เสมอว่า ฉันมีชีวิตที่ดี
เพราะฉันมีสิ่งสูงส่ง คือ สถาบันพระมหากษัตริย์
ที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจและตั้งปณิธานในการทำงาน
และการดำเนินชีวิต ตามพระราชดำริ ของในหลวง
เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิตตลอดไป

สุภชา ท่าค้อ (ไวธัญญะกรรม)


วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สุวิชา ท่าค้อ ฝากเตือนสติผู้ใช้อินเตอร์เน็ต

ตั้งแต่ผมถูกจับกุมตัวก็ไม่ได้พบหน้าลูกๆอีกเลย และพวกเราต้องพากันจมอยู่กับน้ำตา ผมไม่เคยก่อปัญหาใดๆให้กับสังคมมาก่อน แต่ต้องมาถูกจองจำมันจึงเป็นเรื่องที่สุดแสนจะทรมาน เมื่อความทุกข์มาถึงจุดที่สุดผมต้องนอนร้องไห้เสมอเพราะไม่สามารถอยู่ดูแลเขาได้อีก ดังนั้นผมจะต้องทำทุกอย่างที่จะรักษาตัวให้รอดในขณะที่อยู่ในเรือนจำคือปล่อยวางทุกเรื่อง ผมเริ่มฝึกสมาธิอย่าจริงจังทั้งกลางวันและกลางคืนวันละหลายชั่วโมงโดยจำต้องปล่อยวางโดยไม่อาลัยกับความเป็นหรือตายกำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจเพียงอย่างเดียวหากจะคิดอะไรขึ้นมาก็จะรีบกลับมาที่ลมหายใจซึ่งตอนนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่การบรรพชาในทันทีที่ได้รับอิสรภาพและจะขออยู่เป็นพระตลอดพรรษา หากลาสิกขาบทกลับมาดูแลครอบครัวก็จะอยู่ในศีล 5 หรือศีล 8 ตลอดไปผมมีความเชื่ออย่างแรงกลัวว่าหากใครก็ตามที่อยู่ในกรอบของศีล 5 จะไม่มีทางเข้ามาอยู่ในนี้เด็ดขาดผมอยากจะบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , พ่อแม่และผู้มีพระคุณและทุกคน ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมาผมจะไม่โกรธเคืองต่อใครๆ ที่ทำให้ผมและครอบครัวจมอยู่ในกองทุกข์ผมจะคิดแต่สิ่งดีๆที่ทำให้ผมได้เห็นสัจธรรมของชีวิตในครั้งนี้ และทำให้ผมได้ฝึกสมาธิทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลงไปมากในทางที่ดีและกราบขอบพระคุณทุกความช่วยเหลือมีหรือได้มีให้แก่ผมและครอบครัวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง ผมอยากเตือนสติผู้ที่กำลังหลงผิด หรือหลงเชื่อพวกไม่ไหวังดีต่อประเทศชาติ ที่ทำลายประเทศ ด้วยการปล่อยข่าวไม่ได้ ให้ให้ประชาชนที่รับข่าวสารผิด ๆ ต้องคิดในด้านผิด ๆ อย่างที่ผมเป็นมาแล้ว

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ขอบคุณที่ช่วยเรา

ขอบคุณทุกท่านที่มีน้ำใจ ส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของเรา
ขอบคุณทุกท่านในความปรารถนาดี
ณ.วันนี้ ครอบครัวเรา และสุวิชา ท่าค้อ มีกำลังใจดี
และขอปฏิเสธ การให้ความช่วยเหลือใด ๆ จากท่าน
ด้วยเหตุผลหลายประการ ครอบครัวเราไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับผู้ใด
ที่อาจจะใช้เราไปเป็นเครื่องมือในทางมิชอบ
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่ผ่านมา คือชะตากรรม
และตัวสุวิชา ท่าค้อ เอง เรารู้สึกเสียใจ
และอยากเตือนผู้ที่กำลังหลงผิด หลงเชื่อข้อมูลด้านเดียว
ให้พิจารณา เรื่องราว และข้อมูล หลาย ๆ ด้าน
ก่อนที่จะเชื่อ หรือคิดทำอะไรผิด ๆ อย่างที่เขาหลงผิดมาแล้ว